วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ทักษะการแสวงหาความรู้


ทักษะการแสวงหาความรู้
   ทักษะการแสวงหาความรู้ คือ การค้นคว้าหาความรู้ และสามารถสร้างความรู้ใหม่เพิ่มเติมได้อาจจะมาจากการคิด การศึกษา การทดลอง การค้นคว้า หรือปฏบัติด้วยตนเอง แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ ซึ่งสัมพันธ์กับความรู้เดิมที่มีอยู่ โดยการศึกษาค้นคว้านั้น ไม่จำกัดว่าจะมาจากแหล่งความรู้ใด อาจเป็นความรู้ในห้องเรียน ความรู้ตามป้ายสถานที่ต่างๆไปจนสื่ออื่นๆ
   นักเรียนสามารถฝึกฝนทักษะการแสวงหาความรู้ได้ โดยเริ่มจากความสนใจหรือความต้องการของตนเอง แล้วอาจปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นๆเช่น ครูประจำชั้น ครูที่ปรึกษา ครูแนะแนว ผู้ปกครอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สนใจหรือต้องการ
    ทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองสามารถฝึกฝนได้จากการปฏิบัติต่อไปนี้
    1.กำหนดปัญหาในการสืบค้นข้อมูลความรู้ คือการตั้งหัวข้อ ตั้งประเด็นในการศึกษาค้นคว้า กำหนดขอบเขตของหัวข้อหรือประเด็นที่ต้องการจะค้นคว้า พยายามอธิบายและแสดงความคิดเห็นต่อหัวข้อที่ต้องการจะสืบค้นข้อมูลความรู้
   2. การวางแผนในการสืบค้นข้อมูลความรู้ เมื่อคิดหาหัวข้อหรือประเด็นที่เราต้องการจะสืบค้นได้แล้ว ควรวางแผน กำหนดเป้าหมายว่าจะสืบค้นข้อมูลความรู้จากที่ใด อย่างไร ควรเริ่มต้นเมื่อใด เป็นต้น
    3.การดำเนินการสืบค้นข้อมูลความรู้ตามแผนที่กำหนดไว้ คือ การดำเนินการสืบค้นข้อมูลความรู้ในหัวข้อที่ต้องการ ตามแผนงานที่วางไว้
    4.การวิเคราะห์ข้อมูลจากการสืบค้นความรู้ คือ การนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้ค้นหา หรือได้รับมา มาพิจารณาอย่างละเอียดถึงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของข้อมูล รวมไปถึงการจำแนกจัดกลุ่ม และจัดลำดับข้อมูล
    5. การสรุปผลจากการสืบค้นความรู้และบันทึกและการบันทึกจัดเก็บ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้ออกมาตามขอบเขตของหัวข้อที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ควรบันทึกจัดเก็บข้อมูลที่รวบรวมมาได้ต่างๆในรูปแบบที่ง่ายต่อการค้นหา เช่น จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือสื่อบันทึกข้อมูลชนิดต่างๆจดบันทึกไว้ในสมุด ถ่ายสำเนาเอกสารเก็บไว้ในแฟ้ม เป็นต้น

เพราะเหตุใด จึงต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของอาชีพที่ตนเองทำอยู่เสมอ


    เพราะการประกอบอาชีพเป็นการทำงานที่ช่วยให้มีรายได้สำหรับนำไปใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งเราก็จะต้องศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพที่เราสนใจ มีประสบการณ์เกี่ยวกับอาชีพนั้นๆ มีการเตรีนมตัวเข้าสู่ชีพและใช้ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ เช่นปัจจุบันนี้การขาย การตลาดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้เป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว การขายจึงทำให้ประชาชนประกอบอาชีพได้มาก และยังสามารถสร้างชีวิต สร้างอนาคต สร้างความมั่นคง ให้แก่ผู้คนมากต่อมากด้วยรายได้อีกด้วย
   ดังนั้นไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพใดจึงจะทำให้เราได้รับความสำเร็จในการประกอบอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต



ทักษะการจัดการ
ทักษะการจัดการ หมายถึง ความสามารถของบุคคลหนึ่งที่สามารถจะจัดระบบงาน และระบบคนให้ทำงานสำเร็จได้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนงานการจัดองค์กร การจัดหาคน การแบ่งหน้าที่ปฏบัติงาน การควบคุมดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กำหนด ไปจนถึงการติดตามและประเมินผล ทักษะการจัดการแบ่งออกได้เป็น๒กลุ่ม ดังนี้
   1.การจัดการระบบงาน (การทำงานเดี่ยว) โดยสามารถจัดสรรเวลาการทำงานให้เป็นระบบ ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบแบบแผน และขั้นตอนต่างๆ รวมไปถึงการเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล ฉลาด มีไหวพริบ รอบรู้ ทันคน ทันเหตุการณ์ มีริเริ่มสร้างสรรค์ และความกระตือรือร้นในการแสวงหาข้อเท็จจริง มีความมุมานะที่จะปฏิบัติงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่อยู่เสมอ
   2.การจัดการระบบคน (การทำงานกลุ่ม) โดยมีความสามารถในการคัดเลือกคนเข้าทำงานแบ่งปัน จัดสรรคนให้เหมาะสมกับงาน มีความสามารถในการสร้างบรรยากาศในการทำงานสามารถชักจูงเพื่อนร่วมงานให้มีเป้าหมายเดียวกัน ร่วมมือ ร่วมใจการทำงานจนสำเร็จ รวมการเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ และยุติธรรม เพื่อให้เพื่อนร่วมงานเกิดความพอใจและเสมอภาค ยินดีที่จะทำงานด้วยความเต็มใจ

ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ทักษะใดสำคัญที่สุด เพราะอะไร


   ทักษะแสวงหาความรู้ สำคัญที่สุดเพราะ การที่เราจะประกอบอาชีพใดนั้นเราจะต้องหมั่นศึกษาค้นคว้าหาความรู้อยู่ตลอดเวลาและสามารถปรับเปลี่ยนความรู้เดิมที่มีอยู่ตลอดเวลา และสามารถปรับเปลี่ยนความรู้เดิมที่มีอยู่โดยการสร้างความรู้ใหม่เพิ่มเติมได้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ โดยการอาศัยการเรียนรู้และวิธีการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ จึงจะช่วยให้เกิดแนวความคิดความเข้าใจที่ถูกต้องและกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยอาจจะมาจากการคิด การทดลอง การค้นคว้าหรือการปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ เพราะถ้าหากเราไม่แสวงหาความรู้เพิ่มเติมก็จะทำให้การประกอบอาชีพของเรานั้นไม่มีการพัฒนาขึ้น ธุรกิจหรืออาชีพของเราก็อาจจะล้มเหลวได้

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ


ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ
      ทักษะเป็นความชำนาญหรือความเชี่ยวชาณที่เกิดจากการหมั่นฝึกฝนสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว และเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ มีดั้งนี้
ทักษะกระบวนการทำงาน
     ทักษะกระบวนการทำงาน หมายถึง การลงมือทำงานต่างๆด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นการฝึกฝนวิธืการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการทำงานเดี่ยว หรือทำงานร่วมกลุ่มกับผู้อื่น เพื่อให้ทำงานได้สำเร็จ และบรรลุตามเป้าหมายโดยมีขั้นตอนต่างๆดั้งนี้
1.           การวิเคราะห์งาน เป็นการมองภาพรวมของงานเมื่อได้รับมอบหมาย ว่าเป้าหมายของงานคืออะไร ผลลัพธ์ของงานที่จะทำคืออะไร และจะทำอย่างไรเพื่อให้งานนั้นบรรลุเป้าหมายและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
2.           การวางแผนในการทำงาน เป็นการกำหนดเป้าหมายของงาน ระยะเวลาดำเนินงานกำลังคนที่ใช้ในการทำงาน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน วัสดุอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานและวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และได้ผลลัพธ์ตามต้องการ โดยประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายไปพร้อมกัน
3.           การลงมือทำงาน เป็นการลงมือทำงานตามแผนที่วางไว้ ด้วยความมุ่งมั่นอดทนและรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ ซึ่งหากพบปัญหาหรืออุปสรรคก็ควรคิดว่าเป็นสิ่งท้าทายที่เราควรแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ และถือว่าการที่สามารถแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคนี้ได้ เป็นประสบการณ์อันมีค่า และจะมีประโยชน์ต่อตนเองในอนาคต
4.           การประเมินผลการทำงาน เป็นการตรวจสอบ ทดสอบหรือทดลองใช้ตั้งแต่การวางแผนการทำงานว่ารอบคอบ รัดกุม ครอบคลุม และสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่ รวมถึงการประเมินผลการทำงานว่าเกิดอุปสรรคหรือปัญหาใดหรือไม่และจะแก้ไขอย่างไร ตลอดจนประเมินผลงานที่ทำสำเร็จแล้วว่ามีคุณภาพตามเป้าหมายที่ได้วางไว้หรือไม่ ใช้เวลา ค่าใช้จ่าย และแรงงานเหมาะสมหรือไม่อย่างไรเพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงแก้ไขแผนงาน การทำงาน และผลงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


อาชีพใดที่เหมาะสมกับนักเรียนมากที่สุด เพราะอะไร
ช่างซ่อมรถ เพราะจะได้ซ่อมรถให้คนอื่นขับขี่ได้ 
การวิเคราะห์งาน
ลูกค้านำรถมาซ่อม
การวางแผนในการทำงาน
หาอุปกรณ์ซ่อมรถของลูกค้า
การลงมือทำงาน
การลงมือซ่อมรถลูกค้าให้เสร็จ
การประเมินผลการทำงาน
ดูให้แน่ใจว่ามีอะไรติดขัดหรือไม่ แล้วนำสู่ลูกค้า


ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา
   ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา จะช่วยให้เกิดความคิดในการหาทางออกได้ เมื่อพบปัญหาในเวลาหรือสถานการณ์การทำงานจริง โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.  สังเกตุ นักเรียนควรฝึกตนเองให้เป็นช่างสังเกต สามารถศึกษาหรือรับรู้ข้อมูลมองเห็นและเข้าใจปัญหาสำคัญที่เกิดขั้นได้
2.   วิเคราะห์ เมื่อทราบและเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ควรวิเคราะห์ว่าปัญหาที่มีมากน้อยเพียงใด ลำดับความสำคัญของปัญหา และวิเคราะห์สาเหตุของแต่ละปัญหาเพื่อสร้างทางเลือกให้กับทางออกของปัญหาได้อย่างเหมาะสม
3.            สร้างทางเลือก เมื่อวิเคราะห์เรียงลำดับปัญหาได้แล้ว ว่าควรแก้ปัญหาใดก่อน ปัญหาใดทีหลัง และเมื่อวิเคราะห์ทีละปัญหา หาสาเหตุของแต่ละปัญหาได้แล้ว ควรสร้างทางเลือกในการแก้ไขปัญหาซึ่งอาจจะมีมากมาย โยการสร้างทางเลือกนั้น อาจจะมาจากการศึกษาค้นคว้า การทดลอง การตรวจสอบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการแก้ปัญหา
4.             ประเมินทางเลือก ทางเลือกต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาจากการศึกษาค้นคว้าหรือการตรวจสอบต่างๆควรพิจารณาดูให้ละเอียดว่าทางเลือกใดที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาที่สุด และจะมีผลกระทบน้อยที่สุด สามารถรับมือกับปัญหาได้เร็วที่สุด และดีที่สุดกับทุกฝ่าย จึงประเมินทางเลือกนั้น โดยการวางแผนและบันทึกกระบวนการปฏิบัติงาน ในรูปแบบรายงานและนำทางเลือกนั้นมาตรวจสอบความถูกต้อง

             การมีกระบวนการแก้ปัญหามีความสำคัญอย่างไร
             มีไว้แก้ไขปัญหางาน เช่นรถเสียต้องทำอย่างไร 


ที่มา หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

คุณสมบัติที่จำเป็น


คุณสมบัติที่จำเป็น
คุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ดังนี้
      1. จบการศึกษาตามที่ระบุไว้ในประกาศรับสมัครงาน หรือสอดคล้องกับาอชีพที่สนใจ โดยหากต้องการทำงานในสาขาอาชีพใดในอนาคตควรวางแผนการศึกษาและการศึกษาเพิ่มเติมที่นอกเหนือหลักสูตรในการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับอาชีพที่สนใจ และมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนให้ประสบผลสำเร็จ
      2.  มีมนุษย์สัมพันธ์ ทุกคนที่ทำงานร่วมกันในองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆย่อมต้องการความสบายใจในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก พบแต่บรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และยิ้มแย้มแจ่มใส โดยปราศจากความขัดแย้งต่างๆซึ่งการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีนั้นจะช่วยสร้างสิ่งเหล่านี้ได้และก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงำแด้วยดี
      3.  มีความเป็นผู้นำ โดยความเป็นผู้นำนั้นคือการมีลักษณะของการกล้าคิด กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าตัดสินใจ และกล้าทำงานบนพื้นฐานของความถูกต้อง ยุติธรรม มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งความเป็นผู้นำนี้จะนำพาองค์กรหรือหน่วยงานก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงได้
      4.  มีความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบเป็นสามัญสำนึกที่ผู้ทำงานทุกคนต้องมี โดยเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับหมอบหมาย ไม่ละทิ้งงาน และมุ่งมั่นทำงานจนเส็จ
      5.  มีความขยัน ความขยันจะช่วยสร้างความกระตือรือร้นให้แก่ตนเอง และเพื่อนร่วมงานเป็นขับเคลื่อนที่มีส่วนสำคัญในการทำให้งานเสร็จเร็ว ทันเวลา หรือเสร็จก่อนกำหนด
      6.  มีความซื่อสัตย์ โดยผู้ทำงานต้องมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ไม่พูดจาโกหกหลอกลวง หรือกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงลงในใบสมัคร หรือสร้างเอกสารปลอม เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบรับรองการศึกษา ปริญญาบัตร เป็นต้น
      7.  มีความอดทน โดยมีความตั้งใจ มั่งมั่นในการสมัครงาน การทำงาน จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่ย่อท้อต่อความยากรับบาก ความเหน็ดเหนื่อยต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
        8.  มีสุขภาพแข็งแรง โดยหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
        9. ทำงานภายใต้แรงกดดันได้ดี ด้วยการวางแผนในการทำงานอย่างมีระบบ มีสติ มีสมาธิในการทำงานและมองโลกในแง่ดี เช่น ทำใจให้สนุกกับการทำงาน ในเวลาเร่งด่วนหรือมีระยะเวลาจำกัด เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้โดยไม่ชะงักกลางคัน ตลอดจนลดความเสียหายของงาน ช่วยประหยักเวลา ประหยัดแรงงาน และประหยัดค่าใช้จ่าย

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ


การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ
การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพเป็นการเตรียมความในด้านการหางานและพัฒนาตนให้มีคุณสมบัติที่จำเป็น เพื่อให้สมัครงานได้ตรงตามความสนใจและความถนัดของตนเอง
การหางาน
การหางานให้ได้งานตามความติ้งการ เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตนเองมีแนวทางดังนี้
1.            สำรวจตนเอง เป็นการพิจารณาความสนใจความถนัด ความรู้ ความสามารถและทักษาความชำนาญของตนเองว่าเกี่ยวข้องกับอาชีพที่ต้องการทำงานหรือไม่ ถ้าขาดคุณสมบัติข้อใดก็ควรศึกษาเพิ่มเติมจากการอ่านหนังสือหรือบทความในเว็บไซต์ เรียนพิเศษเพิ่มเติมจากสถาบันที่เปิดสอน และหมั่นฝึกฝนด้วยตนเองเป็นประจำ เช่น ถ้าสนใจประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ก็ควรสำรวจตนเองว่ามาความสามารถในด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาใดบ้าง มีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศมากน้อยเพียงใด หากพบว่าความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอสมควรเรียนพิเศษจากสถาบันภาษาที่เปิดสอน หมั่นฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษเป็นประจำด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดทักษะและความชำนาญ ศึกษาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จากหนังสือทั่วไป เว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ตและแผ่นพับใบปลิวต่างๆ เป็นต้น
2.            สำรวจตลาดแรงงาน เป็นการพิจารณาความต้องการอาชีพใดๆ ก็ตามของตลาดแรงงานในช่วงเวลาที่ตนเองต้องการหางาน ซึ่งหากเป็นอาชพที่ขาดแคลนคนทำงาน หรือต้องการคนทำงานด่วน ก็มีแนวโน้มที่จะได้ทำงานมากกว่าอาชีพี่มีคนต้องการทำงานมากแต่รับสมัครคนทำงานน้อย
นอกจากนี้ ถ้ามีบริษัทหรือองค์กรที่เปิดกิจการใหม่ต้องการรับสมัครคนทำงานจำนวนมากในช่วงเวลานั้น โอกาศจะได้ทำงานก็มีสูงเช่นกัน
การสำรวจตลาดแรงงานอาจดูได้จากประกาศรับสมัครงานในหนังสือพิมพ์สมัครงานเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ต ประกาศรับสมัครที่ติดไว้ในองค์กรหน่วยงานหรือบริษัทต่างๆฟังจากวิทยุหรือติดต่อสอบถามกับหนวยงานที่เกี่ยวข้องกับการหางานและสมัครงาน เช่น กระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น
3.         หางานจากแหล่งงานต่างๆอย่างมืออาชีพ เป็นการหางานจากแหล่งที่มีงานจำนวนมากให้เลือกในหลายสาขาอาชีพ เช่น หนังสือพิมพ์สมัครงานเว็บไซต์หางานและสมัครงานในอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ของหน่วยงานบริษัทหรือองค์กรที่เปิดรับสมัครงานเอง สมัครงานกับหน่วยงาน บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ที่ติดต่อขอรับสมัครพนักานผ่านสถานศึกษาที่ตนเองศึกษาอยู่ หรือเดินเข้าไปสอบถามและกรอกใบสมัครทิ้งไว้กับหน่วยงาน บริษัท หรือองค์กรที่เปิดรับสมัครงานโดยตรง

ที่มา หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี

คำถามพัฒนากระบวนการคิด


     1.         การคิดต่อสื่อสารมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตอย่างไร
ตอบ ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ทำให้มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ทำงานสร้างสรรค์สังคมเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการดำเนินชีวิตร่วมกันทั้งในด้านครอบครัว ด้านการทำงาน ตลอดจนสังคมและการเมืองทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้ เมื่อมนุษย์มีความจะเป็นที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน จึงมีการพัฒนาการหลายด้านที่ตอบสนองเพื่อให้ใช้งานได้ตามความต้องการ 
     2.         การติดต่อสื่อสารรูปแบบใดที่นักเรียนใช้งานมากที่สุด
ตอบ โทรศัพท์มือถือและการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมมาก นักเรียนสามารถใช้เครือข่ายเดิมที่มีการบริการเปิดใช้ในต่างประเทศ หรือเมื่อนักเรียนมาอยู่ที่ประเทสนิวซีแลนด์แล้วสามารถเปิดใช้บริการแบบเติมเงิน หรือลงทะเบียนกับ Vodafone or Telecom ก็ได้
     3.         ถ้านักเรียนอยู่ต่างประเทศและต้องการสื่อสารกับผู้ปกครองที่อยู่ในประเทศไทยจะใช้การติดต่อสื่อสารรูปแบบใด
ตอบ การติดต่อสื่อสารผ่านเครือค่ายอินเตอร์เน็ต 
     4.         การสื่อสารไร้พรมแดน มีประโยชน์และโทษอย่างไร
ตอบ ประโยชน์ คือ ปัจจุบันโลกของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามามีบทบาทในสังคมไทย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกเพศ ทุกวัย จนอาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว นั่นอาจหมายถึง คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งหากใช้อย่างสร้างสรรค์ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้ ทั้งด้านการศึกษาและการเรียนรู้ ตลอดจนการค้นหาความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต
โทษ คือ นอกจากนี้ก็ยังมีการโจมตีในรูปแบบของการปลอมแปลงอีเมล์หรือที่เรียกกันว่าPhishing ได้ทำการสร้างเว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อหรือผู้รับอีเมล์เปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงินหรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆที่ทำให้การเจาะเข้ามาทำลายข้อมูลได้โดยง่ายจากหลายช่องทาง เช่น Wi-Fi ซึ่งคือ แอกเซสพล้อยภายในอาคารที่อำนวยความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน โดยการติดตั้งระบบต่างๆต้องคำนึงถึงเวลาการติดตั้ง ไม่งั้นจะมีคนเข้ามาใช้และเข้ามาเอาข้อมูลของเราได้ จนอาจทำให้ระบบพังได้
     5.         การติดต่อสื่อสารมีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างไร
ตอบ ประหยัดทรัพยากร เวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย การเลือกประเภทของการติดต่อสื่อสารอย่างถูกวิธีจะช่วยประหยัดได้มากและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ผู้ส่งและผู้รับจะได้ทราบข้อมูลข่าวสารร่วมกัน มีการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนช้อมูลแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ
     6.         การใช้บริการกับหน่วยงานต่างๆรูปแบบใดที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด เพราะอะไร
ตอบ การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อสมาร์ตโฟน
     7.         นักเรียนควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อแสดงถึงการมีมารยาทในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในห้องประชุม
ตอบ ควรปิดโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือปิดเสียงเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่นสถานที่ประชุม
     8.         ถ้าต้องการส่งเอกสารสำคัญจากกรุงเทพฯไปถึงอุบลราชธานีให้เร็วที่สุดควรใช้บริการไปรษณีย์รูปแบบใด
ตอบ ควรใช้รูปแบบอีเอ็มเอส(EMS)ในประเทศ หรือไปรษณีย์ด่วนพิเศษในประเทศ
     9.         การสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ตมีข้อควรระวังอย่างไร
ตอบ ก่อนซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์อินเตอร์เน็ตควรตรวจสอบราคาสินค้า เงื่อนไขการสั่งซื้อและการชำระเงินให้ระเอียดก่อนซื้อ ตลอดจนเลือกสินค้าจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง
     10.    เพราะเหตุใดในปัจจุบันจึงยังมีผู้ใช้จดหมายในการติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ
ตอบ เพราะหน่วยงานราชการในประเทศไทย หลายหน่วยงาน ยังไม่มีความความพร้อมในการใช้ IT หน่วยงานขนาดเล็ก หรือ อยู่ห่างไกล แม้แต่เครื่องโทรสาร(แฟกซ์) ยังไม่มี อีก
อย่าง การใช้จดหมายสามารถระบุแหล่งที่มาและใช้เป็นเอกสารต้นฉบับได้ ในขณะที่การใช้เอกสารผ่านระบบ It เช่น e mail ไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงได้ แม้กระทั่ง
ลายเซนต์ ก็สามารถ Copy หรือปลอมแปลงโดยใช้โปรแกรมต่างๆ ส่วนจดหมายแม้
จะปลอมแปลงลายเซนหรือตัดต่อข้อความได้ ก็ยังสังเกตุได้ง่ายกว่า การใช้จดหมาย
ยังจำเป็นในหน่วยราชการไทย อีกทั้ง ตรวจสอบความถูกต้องได้ง่ายกว่า e mail ซึ่ง
ต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ซึ่งประเทศไทยยังขาดอีกมาก


ที่มา หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

งานอาชีพ

การจัดประสบการณ์อาชีพ
        ทุกคนต้องประกอบอาชีพเพื่อการดำรงชีวิตอย เพราะเงินหรือรายได้จากการประกอบอาชีพจะถูกนำมาใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอาหาร ค่าที่พักอาศัย ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าสาธารณูปโภค ค่าเล่าเรียน รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลต่างๆ
        การที่จะประกอบอาชีพใดนั้น จำเป็นต้องมีปรสบการณ์เกี่ยวกับอาชีพที่ทำ เพื่อให้ได้เรียนรู้ได้เห็น ได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมในอาชีพที่ตนเองถนัดและสนใจ และเข้าสู่การประกอบอาชีพอย่างมั่นใจ ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์อาชีพที่ควรศึกษาและเรียนรู้ ได้แก่  สถานการณ์แรงงาน ประกาศรับสมัครงาน ความรู้ความสามารถของตนเอง และผลตอบแทน

 ประกาศรับสมัครงาน
ในปัจจุบันไม่ใช่แต่คนทั่วไปเท่านั้นที่มองหางาน ผู้ประกอบการหรือนายจ้างเองก็มองหาคนทำงานเช่นเดียวกัน ซึ่งมักจะประกาศรับสมัครงานในรูปแบบต่างๆ ดังนี้   
1. หนังสือพิม   
2. วิทย    
3. โทรทัศน์  
4. อินเทอร์เน็ต
     
      ความรู้ความสามารถของตนเอง
    ในประกาศรับสมัครงานโดยทั่วไปจะบอกคุณสมบัติของผู้สมัคร ซึ่งผู้ที่ต้องการสมัครงานควรสำรวจความรู้ความสามารถของตนเองว่ามีคุณสมบัติตามประกาศหรือไม่ ถ้าไม่มีคุณสมบัติข้อใดกฌควรปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติดังกล่าว เช่น ประกาศรับสมัครงานคนส่งอีเมลและคีย์ข้อมูล ผู้สมัครงานมัความรู้ความสามารถในการพิมพ์ข้อความด้วยคอมพิวเตอร์ และใช้งานอีเมลเป็อย่างดี หากไม่มีความรู้ความสามารถเหล่านี้ ต้องฝึกฝนให้ชำนาญก่อนจะไปสมัครงานตำแหน่งนี้ เป็นต้น
     ผลตอบแทน
     ผลตอบแทนจากการประกอบอาชีพ หมายถึง สิ่งท่ได้รับจากการประกอบอาชีพซึ่งสามารถจำแนกได้เป็นสองส่วน ดังนี้
        
       1. รายได้หรือค่าตอบแทน
      รายได้หรือค่าตอบแทน เป็นเงินที่ได้รับจากการทำงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงาน องค์กร หรือบริษัทจะมีหลักเกฑ์การให้รายได้หรือค่าตอบแทนที่แตกต่างกัน เช่น
        (1) รายได้หรือค่าตอบแทนตามชิ้นงาน
      (2) รายได้หรือค่าตอบแทนเป็นชั่วโมง
      (3) รายได้หรือค่าตอบแทนรายเดือน
      (4) รายได้หรือค่าตอบแทนพิเศษ
      
     การเตรียมตัวสู่อาชีพ
     การเตรียมตัวสู่อาชีพเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านการหางานและพัฒนาตนให้มีคุณสมบัติที่จำเป็น เพื่อให้สมัครงานได้ตรงตามความสนใจและความถนัดของตนเอง
         การหางาน
      การหางานให้ได้งานตามความต้องการ เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตนเองมีแนวทางดังนี้
            1 . สำรวจตนเอง            
            2.  สำรวจตลาดแรงงาน
3     3.     หางานจากแหล่งงานต่างๆอย่างมืออาชีพ
       
        คุณสมบัติจำเป็น
      1. จบการศึกษาตามที่ระบุไว้ในใบประกาศรับสมัครงาน หรือสอดคล้องกับอาชีพที่สนใจ
      2. มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
      3. มีความเป็นผู้นำ
      4. มีความรับผิดชอบ
      5. มีความขยัน
      6. มีความซื่อสัตย์
      7. มีความอดทน
      8. มีสุขภาพแข็งแรง
      9. ทำงานภายใต้แรงกดดันได้ดี
     10. มีความสามารถทางภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาที่ใช้ชีวิตประจำวัน
     11. มีความสามารถด้านการใช้คอมพิวเตอร์
      
       ที่มา หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี